รีวิว Maleficent 2 : Mistress of Evil มาเลฟิเซนต์ นางพญาปีศาจ


การกลับมาอีกครั้งของแม่มดใจร้าย และเจ้าหญิงที่นางสาปให้หลับใหลชั่วนิรันดร์ เรื่องเล่ากลายเป็นตำนานแต่นี่ไม่ใช่เทพนิยาย

เรื่องย่อ Maleficent 2 จะเล่าถึงช่วงเวลาก่อนที่ออโรร่าจะขึ้นเป็นราชินีพระองค์ใหม่ นั่นคือเรื่องราวหลายปีให้หลังจากเหตุการณ์ใน Maleficent ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไม มาเลฟิเซนต์ ถึงต้องสาปให้เจ้าหญิงออโรร่านิทราตลอดกาล ใน Maleficent 2 จะเล่าอีกมุมหนึ่งของความสัมพันธ์สุดซับซ้อนระหว่างนางฟ้าปีศาจและเจ้าหญิงที่จะขึ้นเป็นราชินีในไม่ช้า เมื่อพวกเขาต้องรับมือกับพันธมิตรและศัตรูหน้าใหม่ในขณะที่ต้องปกป้องอาณาจักรมัวร์ รวมถึงบรรดาสิ่งมีชีวิตแสนวิเศษที่อาศัยอยู่ในนั้น

เรื่องราวที่สานต่อจาก Maleficent เมื่อปี 2014 เจ้าหญิงออโรร่าตื่นจากคำสาปนิทรา ปกครองเมืองร่วมกับเจ้าชาย และมาลีฟิเซนต์ เราได้เห็นการขอแต่งงานของเจ้าหญิงและเจ้าชาย เหนือจากนั้นคือการเดินทางไปยังต่างเมือง เผชิญหน้ากับราชินีอิงกริต (รับบทโดย มิเชล ไฟเฟอร์) เราได้เห็นความขัดแย้งกันเบา ๆ ระหว่างทั้งสองตัวละคร ที่ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์สัตว์วิเศษในดินแดนที่มาลีฟิเซนต์ดูแล

นอกจากนี้เรายังได้เห็นการปะทะกันภายในโถงพระราชวังระหว่างมาลีฟิเซนต์ และทหาร พร้อมกับคำถามจากเจ้าหญิงออโรล่า ก่อนที่นายหญิงแห่งเหล่าปีศาจจะบินหนีหายไป ฉากตัดไปให้เราเห็นการค้นหาภายใต้ความลึกลับอะไรบางอย่างที่อาจเปิดเผยความดำมืดของดินแดน ซึ่งยังมีผู้บุกรุกเตรียมประจันหน้าอยู่หน้าเมือง อีกทั้งยังมีตัวละครใหม่ที่ชวนให้น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย

นับเป็นความชาญฉลาดของผู้สร้างที่ใช้ชื่อ Maleficent ตัวร้ายจากนิทานที่เอาจริงๆ ก็โผล่หน้าออกมาไม่เยอะเท่าไหร่ในนิทาน แต่นับเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่มีลักษณะโดดเด่นน่าจดจำ มาตั้งแต่แรกแทนที่จะใช้ชื่อ Sleeping Beauty หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อไทยว่า เจ้าหญิงนิทรา เหมือนกับนิทาน Live Action คนแสดงเรื่องอื่นๆ ของดีสนีย์ ทำให้การพลิกเรื่องราวต่างๆ ให้ต่างจากสิ่งที่เรารู้ๆ มาได้อย่างอิสระ และก็ทำได้ดีมากๆ ในภาคแรก จนคนหลงรักตัวละคร Maleficent และ Angelina Jolie กันทั่วโลก

Maleficent 2 ยังคงคอนเซ็ปต์ หนังดูง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน เน้นการดึงดูดผู้ชมจากการแสดงที่โคตรใช่ของ Angelina Jolie และกราฟิก CG ที่สวยงามแถมยังดูอลังกว่าภาคก่อนเสียอีกด้วย แต่นั่นแหละทำให้เราสงสัยว่าพ้อยท์ของผู้กำกับน้อยไปรึเปล่า? ภาคก่อนนั้นเราได้เห็นฉากความรักของหนุ่มสาว มนุษย์กับนางฟ้า ฉากเลี้ยงเด็กที่ขำๆ แต่ฟิลกู๊ดดี ฉากสงครามที่ว้าวมากเพราะไม่ทันคิดว่าจะเจอในหนังเด็กแบบนี้ ฉากมากมายที่มีจากนิทานแต่บริบทของบางฉากได้ถูกเปลี่ยนไปแต่ก็เนียนดี มันทำให้ภาคนี้ดูโล่งไปหน่อยเพราะเหมือนจะเน้นมาที่ฉากการสู้รบแทน และแม้ว่ารูปแบบการสู้จะเปลี่ยนไป แต่ลึกๆ ผมก็รู้สึกกว่าการสู้กันบนพื้นแบบภาคก่อนว้าวกว่า แม้จะพูดแบบนั้นแต่การบภาคนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรอก ผมว่าน้องๆ เกมออฟโทรนเลยแหละ แค่ลดดีกรีลงหน่อย เพราะอย่าลืมว่านี่หนังเด็ก ที่เคยเป็นนิทานก่อนนอนมาก่อน และคงเป็นหนังดีสนีย์ไม่กี่เรื่องที่เราจะได้เห็นตัวละครตาย แต่เรื่องนี้ตายแบบไม่มีเลือดนะ แถมพลังของมาเลฟิเซนต์ก็โคตรยิ่งใหญ่อลังการ

กราฟิกภาคนี้ดีมาก แต่ไม่รู้ว่าผู้กำกับตั้งใจจะให้เกิดความเรียลรึเปล่า ฉากมืดเลยมืดจริงๆ เหมือนถ่ายแบบไม่เปิดไฟกันเลย ธรรมชาติเว่อร์ แต่ปวดตาคนดูนิดๆ เพราะมองอะไรไม่ค่อยเห็นและต้องเพ่งอยู่พอควร แต่ฉากกลางวันสวยสุดๆ

อย่างไรก็ตามสำหรับแฟนๆ Maleficent ผมว่าไปดูเถอะ หนังมันก็ยังดี แต่ถ้าใครรู้จักเจ้าหญิงนิทรา แต่ยังไม่ได้ดู Maleficent ภาคแรก ผมว่าย้อนไปดูภาคแรกกว่าก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะต่อไม่ติด